นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจากการลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัยเมื่อวานนี้ (17 พ.ย. 2566) ร่วมกับกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามโครงการนำร่องการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโค ทำให้เห็นว่าการเลี้ยงโคมีต้นทุนถูกกว่าเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจอื่นๆ เช่น ไก่ หมู และต้นทุนการเลี้ยงมีเพียงหญ้าเท่านั้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทำความรู้จัก "อนุชา นาคาศัย" รมช.เกษตรและสหกรณ์ ร่วม "ครม.เศรษฐา 1"
กรมวิชาการเกษตร รับรองห้องตรวจสอบศัตรูพืช หวังยกระดับไทยผู้นำเมล็ดพันธุ์ผักของโลก
ซึ่งกระทรวงเกษตรฯยังได้ให้ความรู้กับเกษตรกรในการเลี้ยงโค ควบคู่กับการปลูกหญ้า เพื่อทดแทนการซื้ออาหารมาขุนวัว เพื่อลดค่าใช้จ่ายทั้งนี้ แม้ว่าราคาขายอาจต่ำกว่าวัวขุน แต่ในระยะยาวเกษตรกรจะไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงของราคาวัวขุนที่พันแปร
โครงการนี้นายอนุชา ได้ขับเคลื่อนมาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯแล้ว เพราะมองว่าจะทำให้ชาวบ้านได้จับเงินแสน เงินล้าน โดยวัว 1 ตัวสามารถขายได้ราคาตัวละ 25,000 บาท หากมี 50 ตัวจะมีรายได้ได้ถึง 1,250,000 บาท วิธีการคือการเลี้ยงวัวเพศเมียที่ต้นทุนในการเลี้ยงต่ำ แต่เป็นแม่พันธุ์ที่ดี สามารถขยายพันธุ์ทุกปี ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีต้นทุนที่จะพัฒนาตนเองให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นได้ เมื่อสถานภาพการเงินดี ก็จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
นางรัดเกล้า กล่าวว่า โครงการเลี้ยงโคยังมีความสอดคล้องและเสริมกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างประเทศไทยให้เป็นครัวของโลกและเป็นศูนย์กลางของการผลิตอาหารฮาลาล หรือ ฮาลาล ฮับ (Halal Hub) ตามสถิติแล้วความต้องการบริโภคอาหารประเภทเนื้อวัวมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยๆตามประชากรชาวมุสลิมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก หากเกษตรกรชาวไทยหันมาทำเกษตรกรรมปศุสัตว์เลี้ยงโคเนื้อมากขึ้นความฝันที่จะเป็นครัวของโลกก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม